
ตลาดกระทิง VS ตลาดหมี
กระทิงVSหมี
หมี VS กระทิง
กระทิงVSหมี โดยทั่วไปภาวะตลาดหุ้น แบ่งออกได้ 2 ลักษณะ คือ ตลาดเป็นขาขึ้น หรือที่รู้จักกันดีว่า ตลาดกระทิง (Bull Market) และ ตลาดช่วงขาลง หรือ ตลาดหมี ( Bear Market ) แต่ยังมีตลาดอีกรูปแบบหนึ่ง คือ ตลาดขึ้นไม่มากและลงไม่มาก ไม่มีทิศทางการปรับตัวที่ชัดเจน (Sideway Market)
ตลาดกระทิง (Bull Market) คืออะไร?
Bull Market
ตลาดกระทิง Bull Market หมายความว่า สภาวะตลาดที่เป็นแบบกระทิง คือ ตลาดที่มีเส้นเทรนไลน์ ( Up trend ) แบบชันขึ้นมากกว่า 45 องศา หากเส้นมีความชันแบบนี้ ถือว่าเป็น Bull Market โดยปกติมักเอา TF แบบ 1H ขึ้นไปมาเป็นตัวกำหนด แต่หากใช้เส้นต่ำกว่านี้ จะยังไม่สามารถบอกว่าเป็น Bull Market ได้แน่นอน 100%
ตลาดหมี (Bear Market) คืออะไร?
Bear Market
ตลาดหมี Bear Market หมายความว่า สภาวะตลาดที่เป็นแบบหมี คือ ตลาดที่มีเส้นเทรนไลน์ ( Down trend ) แบบชันลงมากกว่า 45 องศา หากเส้นมีความชันแบบนี้ถือว่าเป็น Bear Market โดยปกติมักเอา TF แบบ 1H ขึ้นไปมาเป็นตัวกำหนด แต่หากใช้เส้นต่ำกว่านี้ จะยังไม่สามารถบอกว่าเป็น Bear Market ได้แน่นอน 100%
อย่างที่รู้กันว่า ตลาดหุ้น ถือว่าเป็น ตลาดที่มีความผันผวน เป็นอย่างมาก โดยถ้าหากคุณมองดูตลาดในรูปแบบของกราฟ จะเห็นได้ว่า มันมีเส้นพุ่งขึ้น และลงไปตามจังหวะต่าง ๆ กันเราสามารถเรียกภาวะของตลาดเหล่านั้นว่า “ ตลาดกระทิง ( ตลาดขาขึ้น ) ” และ “ ตลาดหมี ( ตลาดขาลง ) ” ซึ่งสามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ดังนี้
ตลาดขาขึ้น คือ ตลาดกระทิง Bull Market เป็นการเรียกตลาดในช่วงขาขึ้น ( โดยเปรียบเทียบกับวัวกระทิง ที่มักจะมองไปข้างบนเสมอ ) มักเป็นภาวะที่เกิดในช่วงเศรษฐกิจแข็งแรง หรือช่วงที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง ดังนั้น อัตราการว่างงานจึงต่ำ นักลงทุนมักให้ความเชื่อมัน เข้ามาลงทุน ในภาวะที่ตลาดเป็นช่วงกระทิง ซึ่งจะทำให้ตลาดมีการปรับตัวสูงขึ้น
ตลาดขาลง คือ ตลาดหมี Bear Market ตรงกันข้ามกับตลาดกระทิง ตลาดหมี คือ ตลาดในภาวะขาลง ( เปรียบเทียบกับหมี ที่จะมองลงมาข้างล่างเสมอ ) มักเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจอ่อนแอ หรือถดถอย มีอัตราการว่างงานสูง รวมไปถึงอัตราเงินเฟ้อสูงด้วยเช่นกัน ซึ่งสภาวะตลาดหมี มักจะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ไม่กล้าลงทุน โดยทั่วไปแล้ว สำหรับดัชนีตลาดหุ้น ที่ตกลงมากว่า 20% เป็นเวลาต่อเนื่องกันเกินกว่า...