EGCO ร่วงสองวันติด ราคานี้น่าลุ้นไหม หลังไตรมาสแรกพลิกขาดทุน?

EGCO ร่วงสองวันติด วานนี้ลดลงเกือบ 3% พร้อมแรงขายหนาแน่น หลังนักลงทุนผิดหวังงบไตรมาสแรกพลิกเป็นขาดทุน หลังขาดทุนค่าเงินเกือบ 3 พันลบ. แต่พบกำไรจากการดำเนินงานปกติกลับเติบโต 5.5% นักวิเคราะห์บอกมีลุ้นไตรมาส 2 พลิกเป็นกำไร เพราะเข้าช่วงไฮซีซั่นการใช้ไฟฟ้า บวกกับไม่มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนทั้งปีคาดกำไรใกล้เคียงปีก่อนที่ 1 หมื่นลบ. กูรูส่วนใหญ่แนะนำซื้อ เพื่อเก็งกำไรผลงานไตรมาส 2 แถมราคาบวกอัตราตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 29%
วานนี้ราคาหุ้น บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เจอถล่มต่อเนื่องเป็นวันที่สอง -2.60% มาปิดที่ 262 บาท ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +135.45% หลังจากสร้างความผิดหวังให้ตลาดประกาศผลกำไรไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าการคาดการณ์
ไตรมาสแรกพลิกขาดทุนจากค่าเงิน แต่กำไรจากการดำเนินงานยังโต 5.5%
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส ระบุว่า EGCO รายงานผลขาดทุน 413 ล้านบาท ในไตรมาส 1/63 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากงวดก่อนหน้าที่มีกำไร 2.5 พันล้านบาท และต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ เพราะได้รับปัจจัยกดดันหลักจากการบันทุกกลับเป็นขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธฺสูงสุดถึง 2.9 พันล้านบาท แต่หากตัดรายการพิเศษดังกล่าวพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติพบว่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้ามาอยู่ที่ 2.1 พัน้ลานบาท รับปัจจัยหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่เพิ่มขึ้นถึง 41.5% อีกทั้งโรงไฟฟ้าที่มีการ Shutdown ไปในไตรมาส 4/63 ก็กลับมาเดินเครื่องผลิตปกติเช่น BLCP นอกจากนี้รับผลบวกจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงสู่ระดับปกติ
มีลุ้นไตรมาส 2/63 พลิกกำไร เหตุเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น ไม่มีขาดทุนค่าเงิน
อย่างไรก็ดี บล.เอเชียพลัส กลับมองว่า แนวโน้มกำไรปกติในไตรมาส 2/63 ของ EGCO จะเติบโตจากไตรมาสแรกรับช่วง High Season ของการใช้ไฟฟ้าในฤดูร้อน ความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยจะปรับตัวทำระดับสูงสุดของปี อีกทั้งในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ คาดจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลังจากฝนที่เริ่มตกในช่วงเดือน พ.ค. ขณะที่ในส่วนของผลการดำเนินงานสุทธินั้นคาดจะพลิกกลับเป็นกำไรได้ เพราะคาดจะไม่มีการบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในระดับสูงเช่นที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาสแรก
ส่วนทางกับ บล.บัวหลวง ระบุว่า การประมาณการของเราบ่งชี้ว่ากำไรหลักในไตรมาส 2/63 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสแรก (ผลขาดทุนจากโรงไฟฟ้า XPCL, อัตราก าไรขั้นต้นจากโรงไฟฟ้า Paju ลดลง, และความต้องการใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศปรับตัวลดลง เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19) แต่เพิ่มขึ้นไตรมาสก่อนหน้า (ไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าQuezon และรายได้AP เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลสำหรับโรงไฟฟ้า IPP) และด้วยสมมุติฐานที่ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในต่างประเทศจะกลับสู่ระดับปกติภายในเดือนมิ.ย. และคาดว่ากำไรหลักของ EGCO ในไตรมาส 3/63 จะขยายตัวช่วงเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า และแตะระดับสูงสุดของปี2563 โดยกำไรหลักในไตรมาส 4/63 น่าจะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า (แต่สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน) เนื่องจากผลประกอบการที่อ่อนตัวตามฤดูกาลจากโรงไฟฟ้า Paju, BLCP, และ XPCL
ทั้งปีคาดกำไรใกล้เคียงปีก่อนที่ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2563 นั้น บล.เอเซีย พลัส ได้ปรับลดประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปกติลง 14% จากเดิม เพื่อสะท้อนการปรับลดกำไรจากโรงไฟฟ้า BLCP ที่ค่าความพร้อมจ่ายปรับตัวลดลงค่อนข้างมีนัยฯ เพราะเข้าสู่ช่วงท้ายของสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โดยจะหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 25 ปี ในปี 2565 ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจากนี้จะมีส่วนแบ่งกำไรให้ EGCO เหลือราว 600-700 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ได้ปรับลดส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไชยะบุรีลงเล็กน้อย ภายใต้ประมาณการใหม่คาดกำไรปีนี้เพียงประคองตัวใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ บล. บัวหลวง กลับคงประมาณการกำไรหลักในปี2563 ไม่เปลี่ยนแปลง 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน
ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลจาก IAA Consensus นั้นให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย EGCO ในปีนี้ที่ 313 บาท โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะนำซื้อ แม้ว่าผลงานไตรมาสแรกของจะไม่ดีนัก
โบรกเกอร์ | คำแนะนำ | ราคาเป้าหมาย(บาท) |
---|---|---|
บัวหลวง | ซื้อเก็งกำไร | 324 |
ทิสโก้ | ซื้อ | 306 |
เอเชีย พลัส | ซื้อ | 340 |
โนมูระ พัฒนสิน | NEUTRAL | 299 |
โดย บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ภายใต้ประมาณการใหม่ ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 63 (DCF) เท่ากับ 340 บาท โดยราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาผ่านการปรับฐานไปแล้วในระดับหนึ่งจนเห็น Upside กว่า 26% พร้อมปันผลที่จูงใจ มองเป็นจังหวะลงทุนได้ (จ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง Dividend Yield เฉลี่ยราว 2.5%)
ด้าน บล.บัวหลวง ระบุว่า ราคาหุ้น EGCO ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ให้คำแนะนำในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลของตลาดว่าราคา LNG ที่ปรับตัวลดลงอาจจะกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า Paju ทั้งนี้ EGCO ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีสัดส่วนกำไรจากโรงไฟฟ้า IPP มากที่สุดในบรรดาหุ้นที่ให้แนะนำ ดังนั้นแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/63 น่าจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีโรงไฟฟ้า SPP จำนวนมาก จึงคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางของกลุ่มโรงไฟฟ้าในอีกไม่ช้า ยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”
สำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาดและเน้นลงทุนระยะยาว EGCO อาจจะเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เพราะอัพไซต์บวกปันผลสูงกว่า 29% ขณะที่โควิด -19 ไม่ได้ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าหรือการผลิตไฟฟ้าลดลงเหมือนธุรกิจอื่นในตลาด
ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับหุ้น : ไม่มีเวลาดูหุ้น ก็สามารถลงทุนได้
ติดตาม หนังดีได้ที่ ฟิล์มเดอะมูฟวี่ : The Platform