วันนี้เราจะมาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับคนไม่ค่อยมีเวลาดูหุ้น เราจะมาบอกเทคนิค ไม่มีเวลาดูหุ้น ก็สามารถลงทุนได้

แต่ก่อนจะรู้ เทคนิค ไม่มีเวลาดูหุ้น ก็สามารถลงทุนได้ เรามาทำความรู้จักกับหุ้นก่อน

หุ้น

ทำความรู้จักกับหุ้นก่อน 📈

หุ้น คือ สิทธิ์ในความเป็นเจ้าของกิจการ ยกตัวอย่างเช่น หากเราลงเงินกับเพื่อนคนละครึ่งเพื่อเปิดร้านขายเสื้อผ้า เราจะมีสิทธิ์ในกิจการร้าน ขายเสื้อผ้านี้ครึ่งหนึ่ง คำว่าสิทธิ์นี่แหละที่เรียกว่าหุ้น หรือพูดง่ายๆก็คือหุ้นส่วน

ให้เราจำกัดความสั้นๆเลย หุ้นก็คือหุ้นส่วนกิจการนั้นเอง

เหตุผลที่เราจึงควรลงทุนในหุ้น 📊

✒️ เริ่มต้นได้ด้วยเงินไม่มาก : ด้วยเงินหลักร้อยหลักพัน เราก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการได้แล้ว

✒️ สภาพคล่องสูงกว่าทำธุรกิจด้วยตนเอง : การลงทุนในหุ้นเปิดโอกาสให้เราซื้อหรือขายหุ้นได้แทบจะตลอดเวลา

เราในฐานะนักลงทุนจึงสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจอะไรในช่วงเวลาไหน หรือในอีกนัยหนึ่งคือเราสามารถขายหุ้นออกไปได้ถ้าคิดว่าอนาคตของกิจการจะไม่ดี ต่างกับการทำธุรกิจส่วนตัว การขายกิจการทำออกไปได้ยากจนแทบเรียกว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าธุรกิจไปไม่รอด กว่าจะเลิกกิจการได้ก็อาจจะสูญเสียเงินไปมาก

✒️ ไม่ต้องบริหารธุรกิจเอง : หากเราต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจสักธุรกิจหนึ่ง ราอาจจะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการบริหารจัดการ ให้ได้ผลกำไรสูงที่สุด

แต่สำหรับหุ้นแล้วไม่ใช่ เพราะเราสามารถปล่อยหน้าที่การบริหารกิจการให้เป็นของกรรมการบริษัท เราในฐานะเจ้าของมีหน้าที่เพียงติดตามการทำงานเท่านั้น หากการบริหารไม่มีประสิทธิภาพ อาจเสนอแนะได้ในการประชุมประจำปี หรืออาจขายหุ้นทิ้งเพื่อหาทางเลือกที่ดีกว่า

✒️ หุ้นสร้างผลตอบแทนได้ดี : ถ้าเลือกกิจการได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ในระยะยาวหุ้นเป็นสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน โดยหุ้นจะให้ผลกำไรนักลงทุน 2 แบบด้วยกัน ดังนี้
📍 กำไรจากส่วนต่างราคา : ซื้อหุ้นมาในราคาหุ้นละ 10 บาทและขายออกไปในราคาหุ้นละ 12 บาท แบบนี้นักลงทุนจะได้กำไร 2 บาทต่อหุ้น
📍 กำไรจากเงินปันผล : โดยกิจการส่วนใหญ่จะมีการจ่ายเงินปันผลออกมาจากกำไรสุทธิ เราจะได้รับเงินที่ปันผลออกมาคล้ายได้รับดอกเบี้ยจากเงินฝากธนาคาร ซึ่งถ้ากิจการเติบโต เงินปันผลก็สามารถเติบโตได้อีกด้วย

หุ้น

เทคนิค ไม่มีเวลาดูหุ้น ก็สามารถลงทุนได้ 📉

✒️ ลงทุนแบบซื้อเฉลี่ยทุกเดือน : การเล่นหุ้นแบบ DCA (Dollar-Cost- Averaging) โดยซื้อหุ้นถัวเฉลี่ยไปเรื่อย ๆ ในจำนวนเงินที่เท่า ๆ กันทุกงวด

โดยไม่ต้องสนใจราคาในตอนนั้น เช่น หักทุก 10% ของเงินเดือนลงทุนในหุ้นไปเลยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้เราไม่ต้องกังวลกับความผันผวนของราคาหุ้น เพราะมีการเฉลี่ยราคาจากการซื้อทุกเดือนอยู่แล้ว

วิธีนี้จึงเหมาะกับมือใหม่และคนที่ต้องการออมหุ้นระยะยาว ที่สำคัญยังเป็นการฝึกวินัยในการลงทุนด้วย ให้ความรู้สึกที่เหมือนกับการที่เราออมเงินด้วยการหยอดกระปุกเป็นประจำก็ว่าได้

📍 วิธีการ : เราเดินไปที่บริษัทหลักทรัพย์ ขอเปิดบัญชีซื้อหุ้นแบบถัวเฉลี่ย ศัพท์เทคนิคนิดหน่อยที่เขาใช้กันก็คือ DCA หรือ Dollar Cost Average ทางบริษัทหลักทรัพย์ก็จะทำการเปิดบัญชีให้เราง่ายนิดเดียว

หรือจะสมัครแบบออนไลน์ก็ได้เข้าไปดูรายละเอียดในเว็บของบริษัทหลักทรัพย์ได้เลย หรือจะอ่านวิธีการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นใน Blog Gen C ก็มีให้อ่านหลายบทความนะครับ เริ่มต้นง่าย ๆ ทำไปทุกเดือน พอผ่านไปหลายปีเราจะเห็นมหัศจรรย์แห่งการทบต้น

✒️ ลงทุนแบบเน้นคุณค่า :

การที่จะซื้อหุ้นแบบ DCA ประสบความสำเร็จดียิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือเราเลือกหุ้นพื้นฐานดีให้ได้ก่อน หรือที่มักเรียกกันว่า การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวกับหุ้นดีในราคาที่เหมาะสม ทำให้ไม่ต้องคอยพะวงกับราคาที่อาจผันผวนรวดเร็ว

หลักการเบื้องต้นในการดูหุ้นพื้นฐานดี ควรเป็นบริษัทที่ไม่แกว่งตามภาวะตลาดมากจนเกินไป เป็นธุรกิจที่เติบโตมั่นคงต่อเนื่อง ไม่มีปัญหาขาดทุน หนี้สินไม่เยอะ และสภาพคล่องดี ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราสามารถวิเคราะห์ได้จากประวัติผลการดำเนินงานย้อนหลังของบริษัทนั้น ๆ

หรือหากใครไม่รู้ว่าจะเริ่มศึกษาจากหุ้นตัวไหนดี ก็สามารถเริ่มต้นจากหุ้นในกลุ่มดัชนี SET50 หรือ SET100 ก็ได้ เพราะเป็นการคัดกรองคร่าว ๆ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วว่าเป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ที่สภาพคล่องสูง

❌ ไม่เหมาะกับคนที่ชอบเทรดหุ้น หรือคนที่อยากเห็นกำไรเร็วๆ ❌

✒️ มองหาหุ้นปันผล :

ถ้าอยากได้ผลตอบแทนทุก ๆ ปี โดยไม่ต้องมาคอยเก็งกำไรส่วนต่างราคา หุ้นปันผลสามารถตอบโจทย์นี้ได้ เหมาะกับคนที่อยากลงทุนแบบสบาย ๆ ความเสี่ยงต่ำ และรับเงินปันผลสม่ำเสมอ

หุ้นปันผลส่วนใหญ่มักเป็นบริษัทที่เติบโตมาระยะหนึ่งแล้ว จึงทำให้มีความมั่นคง แต่อาจจะไม่ได้หวือหวามากนัก โดยวิธีหาหุ้นปันผลควรพิจารณาจากบริษัทที่จ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนสม่ำเสมอต่อเนื่องทุกปี มีนโยบายปันผลไม่น้อยกว่า 30 – 50% และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) มากกว่า 5% ต่อปี

ที่สำคัญต้องดูด้วยว่าเงินปันผลที่จ่ายให้นักลงทุนนั้น มาจากกำไรดำเนินงานของบริษัทจริงหรือเปล่า ไม่ใช่มาจากกำไรพิเศษที่เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง หรือเป็นการกู้เงินมาจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น

✒️ เลือกหุ้นในกลุ่มที่ตัวเองสนใจ : การซื้อหุ้นก็เหมือนกับการที่เราเข้าไปร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น ๆ แน่นอนว่าหากเลือกลงทุนในกิจการที่ตัวเองมีความสนใจ หรือเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ก็ย่อมง่ายและใช้เวลาน้อยกว่าในการศึกษาข้อมูลพื้นฐานธุรกิจ

นอกจากนี้ หากเราอยู่ในสายงานที่เกี่ยวข้องอยู่แล้วด้วย ก็ยิ่งได้เปรียบในการคาดการณ์ภาวะตลาดของอุตสาหกรรม ซึ่งในตลาดหุ้นก็มีกลุ่มอุตสาหกรรมให้เลือกหลากหลายมากมาย ลองเลือกสักกลุ่มก็ได้ที่เข้ากับความถนัดของเรา

✒️ อย่าซื้อหุ้นในพอร์ตหลายตัวเกินไป : หลายคนชอบที่จะไล่เก็บหุ้นหลาย ๆ ตัวไว้ในพอร์ต ซึ่งก็มีข้อดีในการช่วยกระจายความเสี่ยง แต่หากเรามีหุ้นมากจนเกินไป รับรองว่ามีปัญหาตามมาแน่

เพราะเราจะไม่มีเวลาติดตามข้อมูลได้ครบถ้วน ซึ่งไม่ใช่เรื่องดีของการลงทุนในตลาดหุ้น และสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่เพิ่งเริ่มต้นลงทุน แนะนำว่าไม่ควรมีหุ้นในพอร์ตมากกว่า 5 ตัว

✒️ เลี่ยงหุ้นซิ่ง หุ้นเก็งกำไร : ถ้ารู้ตัวว่าไม่ค่อยมีเวลา เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่ากับ ” หุ้นซิ่ง ” โดยหวังเก็งกำไรจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นลงแบบรวดเร็ว

✒️ ใช้โรบอตเทรดหุ้นแทนเรา : ด้วยการตั้งซื้อตั้งขายแบบอัตโนมัติเลย แล้วเอาเวลาที่เหลือไปนั่งทำงานหาเงินจะดีกว่า สำหรับการใช้โรบอตเทรดหุ้นแทนเรานั้นต้องขอบอกว่าอาจไม่ได้มีทุกหลักทรัพย์ เราต้องเลือกเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการในด้านนี้โดยเฉพาะ บางที่ก็ไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่ถ้าเราต้องการ Special Offer หรือบริการแบบพิเศษ

📍 ข้อดี : เราจะมีเวลาเหลือมากมายไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการซื้อหุ้น A ราคา 1 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวน 10,000 หุ้น แต่ตอนนี้หุ้นราคาสูงกว่า 1 บาทต่อหุ้น

เราก็ตั้งซื้อไว้ล่วงหน้าเลย และถ้าเราคิดจะล็อกกำไรไว้ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น เราก็ตั้งขายอัตโนมัติเอาไว้เลย แล้วเอาเวลาที่เหลือไปทำงานจะดีกว่า ถ้าคำสั่งมัน Match เราก็จะได้กำไรราว 5000 บาทสบายๆ ไม่เครียด ไม่เสียเวลางาน

🔅 ความรู้ต่างๆเกี่ยวกับหุ้น : ประเภทของหุ้น

🔅 ติดตามข่าวสนุกเกอร์ : ทรัมป์ ปลดล็อกแชมป์โลกสอยคิวหนแรกในอาชีพ